Learn English Online

  ทำอย่างไรถึงจะอ่านภาษาอังกฤษเก่ง: 3 กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ การอ่านภาษาอังกฤษเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญในการเรียนรู้ภาษา ไม่ว่าจะเป็นการอ่านข่าว บทความวิชาการ หรือนิยาย การอ่านที่ดีย่อมนำไปสู่ความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น หากคุณต้องการพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษให้เก่งขึ้น นี่คือ 3 กุญแจสำคัญที่คุณควรนำไปปรับใช้ 1. เริ่มจากสิ่งที่สนใจและเหมาะกับระดับของคุณ (Read What You Enjoy & At Your Level) ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยคือการพยายามอ่านสิ่งที่ยากเกินไปหรือน่าเบื่อเกินไป ซึ่งนำไปสู่ความท้อแท้และเลิกกลางคัน: เลือกเรื่องที่คุณชอบ: หากคุณชอบเรื่องวิทยาศาสตร์ นิยายแฟนตาซี หรือข่าวกีฬา ให้เริ่มต้นอ่านจากสิ่งเหล่านั้น ความสนใจจะช่วยผลักดันให้คุณอยากอ่านต่อไปแม้จะเจอคำศัพท์ยาก ๆ บ้างก็ตาม เริ่มจากระดับที่เหมาะสม: หากคุณยังเป็นมือใหม่ อย่าเพิ่งกระโดดไปอ่านวรรณกรรมคลาสสิก ลองเริ่มจาก: Graded Readers: หนังสือที่ถูกเขียนขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับผู้เรียนภาษาอังกฤษ โดยมีการปรับระดับคำศัพท์และไวยากรณ์ให้เหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละระดับ บทความข่าวสั้นๆ หรือ Blog Post: เว็บไซต์ข่าวหรือบล็อกที่มีภาษาที่เข้...

  3 เทคนิคการฝึกพูดภาษาอังกฤษให้คล่อง (Fluency) การพูดภาษาอังกฤษให้คล่องแคล่วและมั่นใจเป็นเป้าหมายของใครหลายคน แต่บ่อยครั้งเรามักจะติดอยู่กับความกลัวที่จะทำผิดพลาด หรือไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นฝึกอย่างไรดี ไม่ต้องกังวลไปค่ะ การฝึกพูดเป็นทักษะที่สามารถพัฒนาได้ด้วยเทคนิคที่ถูกต้องและสม่ำเสมอ 1. พูดคนเดียวให้บ่อยที่สุด (Talk to Yourself) อาจจะฟังดูแปลก ๆ แต่การพูดคนเดียวเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพอย่างเหลือเชื่อในการฝึกพูดภาษาอังกฤษโดยไม่ต้องกลัวสายตาคนอื่น: บรรยายสิ่งรอบตัว: ลองพูดบรรยายสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ หรือสิ่งที่คุณเห็นรอบตัว เช่น "I'm making coffee now. The water is boiling. I need to add sugar." (ตอนนี้ฉันกำลังชงกาแฟ น้ำกำลังเดือด ฉันต้องใส่น้ำตาล) หรือ "The sky is blue today. There are a few clouds." (วันนี้ท้องฟ้าเป็นสีฟ้า มีเมฆบางส่วน) ฝึกคิดเป็นภาษาอังกฤษ: พยายามคิดเป็นภาษาอังกฤษในใจ และลองเปล่งเสียงออกมา สิ่งนี้จะช่วยฝึกสมองของคุณให้ประมวลผลความคิดเป็นภาษาอังกฤษโดยตรง แทนที่จะแปลจากภาษาไทยก่อน ใช้กระจก: การพูดหน้ากระจกจะช่วยให้คุณสังเกตการเคลื่อนไหวของปาก ...

  เทคนิคการสนทนาภาษาอังกฤษที่ทำให้คุณเป็นนักพูดที่ยอดเยี่ยม การสนทนาภาษาอังกฤษไม่ใช่แค่การพูดให้ได้ แต่เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดและความรู้สึก การฝึกฝนด้วยเทคนิคที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับคู่สนทนาได้อย่างเป็นธรรมชาติและมั่นใจยิ่งขึ้น 1. เริ่มด้วยประโยคเปิดและประโยคคำถามที่น่าสนใจ (Engaging Openers & Questions) บ่อยครั้งที่เราไม่รู้จะเริ่มบทสนทนายังไง หรือจะสานต่อเรื่องราวอย่างไรดี การใช้ประโยคเปิดที่น่าสนใจและการถามคำถามปลายเปิด (open-ended questions) จะช่วยกระตุ้นให้บทสนทนาไหลลื่น: หลีกเลี่ยงคำถามปลายปิด (Yes/No questions): แทนที่จะถามว่า "Do you like your job?" (คุณชอบงานของคุณไหม?) ซึ่งอาจได้คำตอบแค่ "Yes" หรือ "No" ลองเปลี่ยนเป็น "What do you enjoy most about your job?" (คุณชอบอะไรมากที่สุดเกี่ยวกับงานของคุณ?) หรือ "What are some challenges you face at work?" (คุณต้องเผชิญกับความท้าทายอะไรบ้างในการทำงาน?) คำถามเหล่านี้จะเปิดโอกาสให้คู่สนทนาได้แสดงความคิดเห็นและเรื่องราว ใช้คำถาม "How," "What," "Why...

  ข้อสอบ Listening Comprehension เป็นอีกหนึ่งส่วนที่หลายคนรู้สึกท้าทาย เพราะต้องจับใจความจากบทสนทนาหรือการบรรยายที่ได้ยินเพียงครั้งเดียว อย่างไรก็ตาม ด้วยเทคนิคที่ถูกต้องและการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ คุณก็สามารถพัฒนาทักษะการฟังและทำคะแนนส่วนนี้ได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน 1. อ่านคำถามและตัวเลือกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่เสียงจะเริ่ม ให้ใช้เวลาอันมีค่าในการ อ่านคำถามและตัวเลือกคำตอบทั้งหมดอย่างรวดเร็ว นี่คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการเตรียมตัว: คาดเดาเนื้อหา: การอ่านคำถามล่วงหน้าจะช่วยให้คุณพอจะเดาได้ว่าบทสนทนาหรือการบรรยายนั้นน่าจะเกี่ยวกับเรื่องอะไร ใครคือตัวละครหลัก หรือเหตุการณ์สำคัญคืออะไร จับ Keyword: ในขณะที่อ่าน ให้ขีดเส้นใต้หรือจดจำคำสำคัญ (keywords) ในคำถามและตัวเลือก คำเหล่านี้จะช่วยให้คุณโฟกัสการฟังได้ดีขึ้น เมื่อได้ยินคำเหล่านี้ในเสียง คุณจะรู้ว่าข้อมูลส่วนนั้นสำคัญ ระวังคำลวง: ในบางครั้ง ตัวเลือกอาจมีคำที่คล้ายกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ความหมายโดยรวมต่างกัน การอ่านตัวเลือกให้เข้าใจก่อนจะช่วยให้คุณแยกแยะคำตอบที่ถูกต้องได้ 2. จดโน้ตย่อ (Note-Taking) อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ...

หลายคนมักจะรู้สึกว่าการทำข้อสอบ Reading เป็นเรื่องยาก เพราะต้องอ่านบทความที่ยาวและมีคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย แต่จริง ๆ แล้วการทำข้อสอบ Reading เป็นทักษะที่สามารถฝึกฝนและพัฒนาได้ ด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง คุณก็สามารถเพิ่มคะแนนในส่วนนี้ได้อย่างมั่นใจ 1. อ่านคำถามก่อน แล้วค่อยอ่านบทความ นี่คือเทคนิคที่สำคัญที่สุดในการทำข้อสอบ Reading หลายคนมักจะเริ่มต้นด้วยการอ่านบทความทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งเสียเวลามากและทำให้สมองล้าเปล่า ๆ Skim (อ่านผ่าน ๆ) คำถามทั้งหมด: อ่านคำถามทั้งหมดก่อนเพื่อดูว่าคำถามต้องการข้อมูลอะไรบ้าง เช่น ถามเกี่ยวกับชื่อคน สถานที่ วันที่ หรือข้อมูลสำคัญอื่น ๆ Scan (อ่านกวาดตาหาข้อมูล): เมื่อคุณรู้แล้วว่าคำถามต้องการอะไร ให้คุณกลับไปที่บทความและ Scan หาคำหรือวลีที่เกี่ยวข้องกับคำถามนั้น ๆ เมื่อเจอแล้วให้ค่อย ๆ อ่านประโยคโดยรอบเพื่อหาคำตอบที่ถูกต้อง ตัวอย่าง: หากคำถามถามว่า "Where did the author travel to last summer?" (ผู้เขียนเดินทางไปที่ไหนเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา?) ให้คุณ Scan หาคำว่า "last summer" หรือชื่อสถานที่ต่าง ๆ ในบทความ 2. ใช้บริบทเพื่อเดาความหมายของ...

 ภาษาอังกฤษง่ายๆสำหรับสั่งกาแฟในคาเฟ่ ห่างหายไปนานกับการเขียน blog สอนภาษาอังกฤษ วันนี้จะนำเสนอวิธีการสั่งกาแฟ สำหรับเพื่อนๆที่จะไปต่างประเทศครับ ซึ่งแน่นอนเลยครับที่เราจะต้องสั่งกาแฟ นม ช๊อคโกแลต ในการสั่งก็ไม่ยากครับ วันนี้จะนำเสนอประโยคง่ายๆครับ สามารถนำไปใช้ได้เเลยครับ -- พนักงานขาย:      Hello, what can I get for you? ( สวัสดี รับอะไรดีครับ ) เรา:  Can I have a black coffee/Americano, please? ( ขอ กาแฟดำ/ อเมริกาโน ค่ะ ) พนักงานขาย:   What size? ( ใส่แก้วขนาดไหนครับ ) เรา:  Regular please ( ขนาดธรรมดาค่ะ ) -- เมนูอาจจะเป็น  Tea (ชา) Coffee Late (กาแฟลาเต้) Hot Choccolate (ช๊อคโกแลตร้อน) ... ขนาดของแก้ว (Cup size) Regular (ปกติ) Small (เล็ก) Large (ใหญ่) -- ทุกคนสามารถเปลี่ยนในตัวอักษรสีแดงเป็นสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ครับ ง่ายๆแค่เราก็จะได้กาแฟร้อนมากินแล้วครับ ขอให้ทุกคนโชคดีเจอกันใหม่ครับครั้งหน้าครับ

Have a good one  คืออีกหนึ่งประโยคที่เรามักจะได้ยินบ่อยๆเวลาเราไปซื้อของ หลังจากจ่ายเงินเสร็จแล้วเค้าจะชอบบอกกับลูกค้าว่า have a good day หรือ Have a good one ซึ่งแปลว่าขอให้โชคดี ใช้พูดบอกลา ตัวอย่าง:  John: I'm off to work.  ฉันจะไปทำงานแล้ว Zara:  Alright, have a good one.  ขอให้ทำงานลุล่วงด้วยดี

 "In all of a sudden" แปลว่าอะไรและใช้อย่างไร ขอขอบคุณภาพจาก  Human Vectors by Vecteezy สวัสดีครับดีครับทุกคนหลังจากหายหน้าหายตาไปหลายวันนี้ วันนี้มีเวลาว่างก็ขออัพเดต blog สักนิดนึงครับ วันนี้ผมจะมานำเสนอ phase ใหม่สัก 1 phase   มาให้ทุกคนได้ใช้กันครับ ในวันนี้ผมจะเสนอคำว่า “In all of a sudden” มันหมายความว่าอะไรและใช้อย่างไรกันละครับ ถ้าทุกคนอยากรู้ก็อ่านต่อได้เลยครับ แต่ก่อนจะที่จะนำไปใช้งานก็ต้องมารู้จักความหมายของ phase นี้กันก่อนครับ “In all of a sudden” มันแปลว่า รวดเร็ว ในทันทีทันใด ประมาณว่า เกิดขึ้นเร็วมากแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย จนเราไม่ทันตั้งตัว มาดูประโยคตัวอย่างกันครับ It seemed to happen all of a sudden - I drove the car, and I just crashed into another car. Oh…the man has said swear word in all of a sudden. This makes me feel annoying. เป็นยังงัยบ้างครับ ไม่ยากเลยใช่มั้ยครับ ลองเอาไปใช้ดูนะครับ กล้าที่จะลองใช้ศัพท์หรือ phase ใหม่ในภาษาอังกฤษจะได้เก่งๆกันครับ เดินวันละนิดถึงเส้นชัยแน่ๆครับ แต่ถ้าไม่เดิน ไม่มีทางถึงเส้นชัยแน่นอน

"วันเว้นวัน" ภาษาอังกฤษเขาพูดกันอย่างไรกันนะ ขอบคุณภาพจาก https://www.vector4free.com สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาสอนภาษาอังกฤษแบบง่ายๆใช้ได้จริงอีกหนึ่งบทความครับ เดี๋ยวเรามาลองคุยเรื่องนี้กันครับ เพื่อนๆเคยมั้ยครับเวลาเพื่อนต่างชาติถามว่า ยูๆ มาออกกำลังกายบ่อยแค่ใหน ส่วนเรานั้นเราก็อยากจะตอบเพื่อนต่างชาติจะแย่ ฉันมาวันเว้นวัน เลยนะ แต่ คำว่า "วันเว้นวัน" ในภาษาอังกฤษเค้าพูดยังงัยกันละ อันนี้ง่ายมากครับ วันเว้นวัน = every other day มาดูประโยคกันครับ A: Hey B, How often do come to the gym? B: I come here every other day. ง่ายมั้ยครับ ง่ายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ของแถม! Every other (day/week/year...) = วันเว้น (วัน/สัปดาห์/ปี...) เพื่อนๆสามารถเอาๆประยุกต์ใช้ได้ในหลายรูปแบบครับ เช่น Our university plan to have an academic conference every other year. (มหาวิทยาลัยวางแผนที่จะมีการประชุมวิชาการปีเว้นปี) My boyfriend send me an email every other week (แฟนของฉันส่ง email หาฉันสัปดาห์เว้นสัปดาห์) เพื่อนลองเอาไปใช่ดูนะครับ แล้วเรากลับมาเจอกันใหม่ใน blog หน้าครับ