เทคนิคการสนทนาภาษาอังกฤษที่ทำให้คุณเป็นนักพูดที่ยอดเยี่ยม

 


เทคนิคการสนทนาภาษาอังกฤษที่ทำให้คุณเป็นนักพูดที่ยอดเยี่ยม

การสนทนาภาษาอังกฤษไม่ใช่แค่การพูดให้ได้ แต่เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดและความรู้สึก การฝึกฝนด้วยเทคนิคที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับคู่สนทนาได้อย่างเป็นธรรมชาติและมั่นใจยิ่งขึ้น

1. เริ่มด้วยประโยคเปิดและประโยคคำถามที่น่าสนใจ (Engaging Openers & Questions)

บ่อยครั้งที่เราไม่รู้จะเริ่มบทสนทนายังไง หรือจะสานต่อเรื่องราวอย่างไรดี การใช้ประโยคเปิดที่น่าสนใจและการถามคำถามปลายเปิด (open-ended questions) จะช่วยกระตุ้นให้บทสนทนาไหลลื่น:

  • หลีกเลี่ยงคำถามปลายปิด (Yes/No questions): แทนที่จะถามว่า "Do you like your job?" (คุณชอบงานของคุณไหม?) ซึ่งอาจได้คำตอบแค่ "Yes" หรือ "No" ลองเปลี่ยนเป็น "What do you enjoy most about your job?" (คุณชอบอะไรมากที่สุดเกี่ยวกับงานของคุณ?) หรือ "What are some challenges you face at work?" (คุณต้องเผชิญกับความท้าทายอะไรบ้างในการทำงาน?) คำถามเหล่านี้จะเปิดโอกาสให้คู่สนทนาได้แสดงความคิดเห็นและเรื่องราว

  • ใช้คำถาม "How," "What," "Why": คำถามที่ขึ้นต้นด้วยคำเหล่านี้มักจะเป็นคำถามปลายเปิดที่เชิญชวนให้เกิดการสนทนาที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เช่น "How was your weekend?" (สุดสัปดาห์ของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?) หรือ "What do you think about...?" (คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับ...?)

  • เริ่มด้วยการสังเกต: การสังเกตสิ่งรอบตัวหรือสถานการณ์ปัจจุบันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เช่น "The weather is beautiful today, isn't it?" (วันนี้อากาศดีจังเลยว่าไหม?) หรือ "I noticed you're reading [book title]. How is it?" (ฉันสังเกตเห็นว่าคุณกำลังอ่าน [ชื่อหนังสือ] เป็นอย่างไรบ้าง?)


2. เป็นผู้ฟังที่ดีและแสดงความเข้าใจ (Active Listening & Empathy)

การสนทนาที่ดีไม่ใช่แค่การพูด แต่รวมถึงการฟังที่ดีด้วย การแสดงให้เห็นว่าคุณกำลังฟังและเข้าใจสิ่งที่คู่สนทนากำลังพูดอยู่ จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและทำให้บทสนทนามีคุณภาพ:

  • พยักหน้า, ยิ้ม, และสบตา: ท่าทางที่ไม่ใช่คำพูดเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าคุณกำลังสนใจสิ่งที่พวกเขากำลังพูด

  • ใช้ "Back-channeling": คือการใช้คำสั้น ๆ เช่น "I see," "Right," "Uh-huh," "Really?" เพื่อแสดงว่าคุณกำลังติดตามบทสนทนาอยู่

  • Paraphrasing (กล่าวซ้ำด้วยสำนวนของคุณเอง): ลองกล่าวสรุปหรือทวนสิ่งที่คู่สนทนาพูดด้วยคำพูดของคุณเอง เช่น "So, if I understand correctly, you're saying that..." (ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิด คุณกำลังบอกว่า...) สิ่งนี้จะช่วยยืนยันว่าคุณเข้าใจถูกต้องและเปิดโอกาสให้พวกเขาแก้ไขหากมีข้อผิดพลาด

  • แสดงความเห็นอกเห็นใจ: ใช้ประโยคที่แสดงความรู้สึกร่วม เช่น "That sounds difficult," (ฟังดูยากนะ) "I can imagine how you feel," (ฉันพอจะจินตนาการได้ว่าคุณรู้สึกอย่างไร) หรือ "That's interesting!" (น่าสนใจจังเลย!)


3. อย่ากลัวที่จะทำผิดพลาดและขอความช่วยเหลือ (Embrace Mistakes & Ask for Clarification)

ความกลัวเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดในการสนทนาภาษาอังกฤษ การยอมรับว่าคุณไม่ได้สมบูรณ์แบบและกล้าที่จะขอความช่วยเหลือจะช่วยให้คุณพัฒนาได้เร็วขึ้น:

  • ความผิดพลาดคือการเรียนรู้: ทุกคนทำผิดพลาด! จงมองว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ อย่าให้ความกลัวที่จะทำผิดมาหยุดยั้งคุณจากการสื่อสาร

  • ขอให้พูดซ้ำหรืออธิบาย: หากคุณไม่เข้าใจสิ่งที่คู่สนทนาพูด อย่าอายที่จะขอให้พวกเขาพูดซ้ำหรืออธิบายให้ชัดเจนขึ้น คุณสามารถใช้ประโยคเหล่านี้ได้:

    • "Could you please repeat that?" (คุณช่วยพูดซ้ำอีกครั้งได้ไหม?)

    • "Could you speak a bit slower, please?" (คุณช่วยพูดช้าลงหน่อยได้ไหม?)

    • "What do you mean by [word/phrase]?" (คุณหมายความว่าอย่างไรกับ [คำ/วลี] นี้?)

    • "I'm sorry, I didn't quite catch that." (ขอโทษนะคะ ฉันฟังไม่ค่อยทัน)

  • ขอให้แก้ไขให้: หากคุณต้องการให้คู่สนทนาช่วยแก้ไขไวยากรณ์หรือการออกเสียงของคุณ ลองพูดว่า "Please correct me if I make any mistakes." (โปรดแก้ไขฉันด้วยถ้าฉันทำผิดพลาด)

การสนทนาภาษาอังกฤษเป็นศิลปะที่ต้องใช้การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งคุณฝึกใช้เทคนิคเหล่านี้บ่อยเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งมีความมั่นใจและเพลิดเพลินกับการสื่อสารภาษาอังกฤษมากขึ้นเท่านั้นครับ!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

What have you been up to? แปลว่าอะไร ใช้ตอนใหนกันนะ!!

in, on, at

Verb to Do