Learn English Online

Verb to do เมื่อกล่าวถึง กลุ่ม Verb to do (do, does และ did) หลายๆคน ยังงงอยู่มันว่ามันคืออะไรและใช้ยังงัย ใช่มั้ยครับ วันนี้เราจะมีคำตอบมาให้ครับ ก่อนอื่นเราก็ต้องเข้าใจกันก่อนว่า do และ does จะใช้กับเหตุการณ์ในปัจจุบันครับ ส่วน did จะใช้กับเหตุการณ์ในอดีตครับ                                            อดีต                                       ปัจจุบัน +++++++++++++++++++++++++++++XX+++++++++++++++++++++++++++                                          did                                            do หรือ does Verb to do จะทำหน้าที่หลักสองอย่างคือเป็นกิริยาช่วยกับกิริยาแท้ครับ กิริยาแท้ Do, Does ในกิริยาแท้จะแปลว่า “ ทำ ” ครับเช่น I do my homework. I do something. It does float. I did my homework yesterday กิริยาช่วย Do, Does ในกิริยาช่วยจะไม่มีความหมายครับ ก็แค่มาช่วยให้ประโยคมันสมบูรณ์หรือเน้นครับ I do buy a TV. I do want to go to cinema. It does want to go! I did buy a TV yesterday. ถึงจุดนี้หลายคนพอจะจะเข้าใจแล้วว่า do,did แล

A rticles a/an และ   the วันนี้จะขอแนะนำตัว เรื่องการใช้ Article (a/an และ the) ในภาษาอังกฤษ หลายๆคนคงจะสับสนอยู่มิใช่น้อยใช่มั้ยละครับ เมื่อก่อนตัวผมเองก็เช่นกัน วันนี้ก็เลยอยากจะมา ขอแชร์ให้กับคนที่ยังสับสนงงงวยกับเจ้า articles พวกนี้ คุยกันมาอยู่ตั้งนาน แล้ว article คืออะไรละครับ คำตอบง่ายๆก็คือ มันก็คือคำคุณศัพท์ (adjective) นั่งเองครับ ในภาษาอังกฤษจะมีอยู่ 2 ตัว a/an และ the ซึ่งง่ายๆเลย   a/an จะใช้กับคำนามทั่วไปที่เป็นเอกพจน์ ไม่ได้ระบุชัดเจน ส่วน the จะใช้กับคำนามที่เอกพจน์และพหุพจน์ที่เราต้องการชี้เฉพาะ อันนี้เป็นการเขียนจากความรู้ที่มีอาจจะไม่ได้ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นเหมือนเด็กเรียนเอก eng นะครับ แต่สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ครับ ต้องขอออกตัวไว้ก่อน อิอิ กลับเข้าเรื่องเราต่อครับ หลายๆคนอ่านมาถึงจุดนี้แล้วเอ๊ะ ก็ยังคงอยู่ดีค่ะ / ครับ เฉพาะ ไม่เฉพาะ อะไรยังงัย เอาหละครับงั้นเรามาดูตัวอย่างง่ายๆกัน ลองอ่านประโยคสั้นข้างล่างแล้วถามตัวเองว่ามีความแตกต่างกันหรือไม่นะครับ 1. กุ้งเอาเก้าอี้มาให้หน่อย ( อยากได้เก้าอี้ เอาตัวใหนก็ได้ ) Kung, I want a chair. กุ้งเอาเก้าอี้ตัวที่อ

สวัสดีครับวันนี้ก็ได้กฤษ์งามยามดี มาอัพเดต blog กันนะครับ ต่อจากครั้งที่แล้วเราได้นำเสนอ verb to be กันไปแล้ววันนี้ขอนเสนอในตอนที่ 2 กันนะครับ ใน กิริยาช่วย verb to have ซึ่งกริยาช่วยของครอบครัวนี้มี 3 ตัวนะครับ ได้แก่   has,have,had แล้วว่าแต่ว่าไอ้เจ้าพี่น้อง 3 ตัวนี้มันต่างกันอย่างไร ใช้ต่างกันอย่างไรละนี่ มาครับตามผมมาจะอธิบายกันแบบง่าย style ผมนะครับ อาจจะไม่ได้ดีมากแต่จะพยายามนะครับ สมาชิกตัวที่ 1 ได้แก่  Has   --- ใช้กับประธานเอกพจน์ (ของสิ่งเดียว) หรือกล่าวถึงบุคคลที่ 3 (He, She, It) นะครับ สมาชิกตัวที่ 2  ได้แก่ Have  --- ใช้กับประธานพหูพจน์ (ของหลายสิ่ง) หรือใช้กับบุคคลที่ 1(I) และ 2 (You) สมาชิกตัวที่ 3  ได้แก่ Had   ---ใช้ได้ทั้งประธานเอกพจน์และพหูพจน์ในรูปของ past tense นะครับ เป็นงัยบ้างครับยากเกินไปหรือเปล่าครับ ส่วนตัวแล้วผมว่าไม่น่าจะยากเกินไปนะครับ ที่นี้เรามาดูตัวอย่างการใช้งานกิริยาช่วยของครอบครัวนี้กันดูครับ ไปกันเลยนะครับ ซึ่งผมจะแบ่งการใช้งานเป็นข้อๆเท่าที่ผมทราบนะครับ 1. เราจะกิริยาช่วย verb to have กับ Present Perfect Tense และ Past Perfec

สวัสดีครับพี่น้องกลับมาอีกครับสำหรับการเรียนภาษาอังกฤษผ่าน blog ของผมนะครับ หลังจากที่ผมห่างหายไปนานมากๆครับเนื่องติดเรียนครับ วันนี้ก็ได้เวลาว่างกลับมาอัพเดตกันใหม่ มาปัดฝุ่น blog หลังนี้กันใหม่นะครับ วันนี้ผมขอเสนอการเรียนภาษาอังกฤษด้วยภาษาที่เป็นกันเองกับตอนที่มีชื่อว่า กิริยาช่วย ตอนที่ 1 verb to be ครับ ก่อนจะเริ่มอ่านบทความนี้ก็ขอแนะใครที่คิดว่าอยากจะกลับมาเรียนภาษาอังกฤษแบบจริงจัง ก็ขอให้เริ่มอ่านที่หัวข้อโครงสร้างภาษานะครับ เอาละครับสำหรับคนที่เริ่มรู้โครงสร้างภาษาแล้วอยากจะให้รู้จักคนพิเศษอีกคนของประโยคภาษาอังกฤษนะครับนั้นก็คือ กิริยาช่วย กิริยาช่วยมีทั้งหมด 24 ตัวครับ แต่วันนี้ผมแนะนำแค่ 5 ตัว ไม่ต้องไปตามหาตัวอื่นนะครับ เดี๋ยวผมจะแนะนำพวกคุณรู้จักกับพวกเค้ากัน ไม่ต้องรีบนะครับ กิริยาช่วยในครอบครัว verb to be มีสมาชิกทั้งหมด 5 ตัวครับได้แก่ is am are was were โดยทั้งหมดจะแบ่งกลุ่มได้ 2 กลุ่ม นั้นก็คือ 1. กลุ่มปัจจุบัน is am are ใช้กับประโยคในปัจจุบัน 2.กลุ่มอดีต was were ใช้กับประโยคในอดีต หลายคนคนอาจกำลังคิดว่าโอเค verb to be มี 5 ตัว แล้วยังงัยต่อใช่มั้ยละครับ มันช่วย

มาแล้วครับกับ TOEFL Listening Practice 2 ก่อนอื่นก็ต้องพูดคุยสักนิดนะครับ เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับ TOEFL Listening Practice 1 ก็หวังว่าหยุดยาวสามวันจะช่วยเพื่อนๆพักผ่อนและฝึกฝนภาษาอังกฤษกันได้เป็นอย่างดีนะครับใครที่จะสอบ Toefl ก็ขอให้สมหวังกับคะแนนที่คาดหวังไว้นะครับ และก็อย่าลืมกลับมาเรียนภาษาอังกฤษฟรีๆ กับ Blog แห่งนี้อีกนะครับ บทเรียน TOEFL Listening Practice 2 ดาว์โหลดที่นี่ครับ

ดีครับพ่อแม่พี่น้องหลักจากที่เริ่มทำ Blog เรียนภาษาอังกฤษมาสักอาทิตย์หนึ่งได้ ก็โพสมาแล้ว 6 ครั้ง ส่วนใหญ่ก็จะเป็น Basic ภาษาอังกฤษทั้งนั้น แต่จะว่าไปแล้วชื่อเว็บก็เป็นเว็บสอนโทเฟล (Toefl) แท้ๆ เพื่อนๆผมก็เลยแนะนำว่าน่าจะเน้นไปทางโทเฟล (Toefl ) ไปเลย ส่วนเทคนิคภาษาอังกฤษอื่นก็ไม่ว่าจะเป็น โครงสร้างภาษาอังกฤษ หรือ gramma ค่อยๆแทรกไปทีละเล็กละน้อยน่าจะดีกว่า ในตอนนี้ผมคิดว่า section ที่คนไทยแย่ก็น่าจะเป็น Listening กับ Speaking นะครับ ดังนั้น จะเน้นไปในสองส่วนนี้นะครับ และวันนี้ผมก็ขอประเดิมกับ TOEFL Listening Practice 1 เลยละกันครับเชิญชมวิดีโอได้ครับ เทคนิคในการเรียน 1.ผมแนะนำให้ดูวีดีโอ 1 รอบ แล้วก็ตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับบทเรียนนี้ บทเรียนโหลดตรงนี้ครับ 2.ฟังซ้ำๆ 3 รอบ 3. จดคำศัพท์ที่เราเรียนรู้จากบทเรียนนี้ครับ PS. เรียนวันละบทชีวิตจะสดใส Confirmed !!

สวัสดีครับวันนี้ กลับมาอีกครับครับกับการเรียนภาษาอังกฤษผ่าน blog ฟรีๆแห่งนี้ครับ ผมเชื่อว่า blog เรียนภาษาอังกฤษแห่งนี้คงจะช่วยเพื่อนๆไม่มากก็น้อยครับ เข้าเรื่องเลยครับวันนี้เราจะเรียนเกี่ยวกับการใช้ Adverb ครับ คำถามแรกเลยก็คือ Adverb คืออะไร คำตอบก็คือคำที่ทำหน้าที่ขยายคำนาม, กิริยา นั่นเองครับ และหลักการวางตัว adverb นี่ก็ไม่ยากครับมีแค่ 3 ข้อครับ 1.วางหน้าประโยค 2.วางหน้ากริยาแท้ 3.วางหลัง V to be หรือ V to have ครับ จำไว้แค่นี้พอครับ รับรองได้ว่าเพื่อนๆจะสามารถนำ adverb ไปใช้ในการเขียนและการพูดได้อย่างถูกต้องแน่นอนครับ ในการเรียนภาษาอังกฤษของเราในวันนี้ เพื่อความเข้าใจมากขึ้นผมก็สรรหาได้นำวีดีโอมาให้เพื่อนๆดูกันครับ ซึ่งจะทำการสอนโดยใช้ภาษาอังกฤษ ซึ่งเราสามารถฝึกฟังภาษาอังกฤษไปในตัวได้เลยครับ หามีข้อสงสัยในการเรียนภาษาอังกฤษก็สามารถ Post คำถามได้เลยครับผมจะเข้ามาตอบให้อย่างแน่ครับ P.S. จำไว้ว่าการเรียนภาษาอังกฤษค่อยๆเรียนแล้วทำความเข้าใจไปทีละเล็กละน้อยจะทำให้เราเก่งภาษาอังกฤษมากกว่าอ่านรวดเดียวครับ เรียนวันละบทเห็นผลชัวร์ Confirmed !!

สวัสดีครับ...กลับมาพบกันอีกครั้งครับกับเทคนิคการเรียนและการใช้ภาษาอังกฤษครับแบบฟรีๆผ่านเว็บ Blog แห่งนี้ครับ เพื่อนผมหลายๆคนมีปัญหาเรื่องการพูดภาษาอังกฤษครับ แต่เอ๊ะ! มันยากยังงัยเหรอ ถ้าเป็นเรื่องโครงสร้างของประโยคภาษาอังกฤษผมก็เคยแนะนำไปแล้วนินา..??.. และแล้วคำตอบที่ได้ก็คือ "รู้แต่โครงสร้างแล้วไม่รู้คำศัพท์จะพูดได้ยังงัยวะ" เออ...จริงอย่างที่มันพูด จริงๆแล้วเพื่อนหลายคนอาจมีปัญหาเช่นเดียวกับเพื่อนของผมใช่หรือเปล่าครับ ไม่ยากครับไม่ยาก ผมจะบอกเทคนิคง่ายๆในการเพิ่มคำศัพท์ภาษาอังกฤษลงในหัวคุณอย่างง่ายๆครับด้วยเทคนิคต่อไปนี้ครับ แต่เดี๋ยวก่อนกรุณาเตรียมกระดาษ A4 พร้อมดินสอครับก่อนที่จะทำตามเทคนิคข้างล่างนี้ครับ วิธีแรก จดสิ่งของที่อยู่รอบตัวเราแล้วแปลเป็นภาษาอังกฤษเช่น ตอนนี้ผมอยู่ในห้องของผม สิ่งที่ผมจดได้ก็ก็คือ โต๊ะเครื่องแป้ง แปลเป็นภาษาอังกฤษว่ายังงัยน้า......................................... ตู้เสื้อผ้า แปลเป็นภาษาอังกฤษว่ายังงัยน้า.........................................

สวัสดีครับ…ในช่วงสัปดาหืที่ผ่านมาก็มีเหตุการณ์มากมายครับทั้งทางด้านการเมืองและทางเศษฐกิจ เรื่องแรกที่จะพูดถึงเรื่องม๊อบสีครับ โดยส่วนตัวผมไม่ได้อยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งครับแต่ผมจะขอพูดตรงนี้ผ่าน blog ในฐานะที่เป็นประชาชนคนนึง ที่อยู่ในประเทศไทยครับ ในครั้งที่ ม๊อบสีเหลืองก่อเหตุยึดสนามบินและพยายามขัขวางการทำงานของรัฐบาลในอดีต ก็ส่งผลกระทบมากมายทั้งระดับประเทศและระดับครอบครัว ถึงวันนี้ผมไม่อยากเห็นสิ่งเหล่านั้นกลับมาอีกแล้ว มันเกิดผลเสียมากมายเหลือเกินและไม่คุ้มกันเลยครับ กลุ่มสีแดงขอเถอะครับ โด้ให้โอกาสรัฐบาลนี้ได้ทดลองบริหารประเทศก่อนครับ อย่าทำเพื่อใครคนใดคนนึงครับแตผมอยากให้พวกเราทำเพื่อประเทศไทยซึ่งรวมไปถึงครอบครัวตัวเองครับและเรื่องที่สองก็คือเรื่องเศษฐกิจครับหลายๆคนอาจตกงานแต่อย่าท้อนะครับพยายามหาทางพลิกวิกฤตของเรานะครับโอกาสมีเยอะครับอยู่ที่เราจะมองเห็นหรือไม บ่นวนไปวนมาขอกลับเข้าเรื่องเรากันก่อนดีกว่าครับ ต่อจากครั้งที่แล้วนะครับหลังจากที่เราได้รู้โครงสร้างของ present simple tense และ present continuous tense ก็หวังว่าทุกคนคงจะมีความเข้าใจมากขึ้นนะครับ วันนี้ผมจะพูดเกี่ยวกับ tense ท

สวัสดีคร้าบบบบบ เพื่อนๆ เป็นยังงัยกันบ้างหวังว่า คงจะสบายกันดีนะครับ ช่วงนี้อากาศก็ร้อนแสนร้อนนะครับ แต่ว่าอย่าทำให้ใจเราร้อนตามอากาศไปด้วยนะครับ ตอนนี้ผมดูข่าวแล้วรู้สึกไม่ค่อยดีเลยครับเห็นคนตกงานกันเต็มไปหมด เพื่อนผมหลายคนถูกยึดบ้าน ยึดรถ แต่อย่างไรก็ตามอย่าให้ความหวังของเราถูกยึดไปจากตัวเราเหมือนสิ่งของนะครับ ผมเชื่อว่าทุกคนสามารถผ่านชีวิตช่วงที่ลำบากไปได้ถ้าเรายังมีความหวังครับ พยามยามดึงศักยภาพที่มีอยู่ในตัวออกมาใช้ ถ้าในตัวไม่มีก็ออกมาหาเอาครับใน ทีวี internet พวกนี้ฟรีครับ และที่สำคัญ ใครไม่มีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษมาก่อนมาหาเลยครับที่นี่ ผมช่วยได้ครับ อิอิ ในที่สุดก็แวะเข้ามาในเรื่องได้หลังจากที่วนอยู่วงแหวนรอบนอกซะนาน เพื่อนหลายคนเรียนภาษาอังกฤษไม่เข้าเพราะว่าลืมส่วนสำคัญไปที่เรียกว่าโครงสร้างของประโยคนั่นเอง โครงสร้างของประโยคในภาษาอังกฤษก็เหมือนภาษาไทยนั่นแหละครับ อะอะ งงอะดิ ไม่ต้องงครับเพราะว่าถ้างงแล้วจะงงมากขึ้นครับ ทำหัวให้ว่างแล้วไปกับผมครับแล้วจะหายงงครับ จริงๆแล้วโครงสร้างของประโยคประกอบด้วย ประธาน + กิริยา ครับ เพื่อบอกการกระทำครับมีแค่นี้จริงๆ เพื่อนผมบอกว่